Posts

Showing posts from 2012

ยามเย็นที่ปากเซ

Image
     หายไปนานเลยครับ ^^ ผมแอบไปซุ่มทำบล็อกใหม่มา บวกกับมีงานให้ทำเยอะนิดหน่อย เลยไม่ค่อยได้สนใจบล็อกนี้เท่าไหร่ วันนี้โอกาสดีก่อนปีใหม่ เลยแวะมาเขียนอะไรเล่นๆซักหน่อย ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวลาวมาครับ แต่ไปแค่เมืองเดียวคือเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ของลาวตอนใต้ ที่ได้ไปเพราะไปงานคอนเฟอเรนซ์ที่อุบลฯแล้วเค้าจัดทริบให้สำหรับคนที่สนใจอยากไปเที่ยวลาว อาจารย์ผมก็ไม่พลาดครับ เลยได้มีโอกาสออกนอกประเทศครั้งแรก ต้องขอบพระคุณอาจารย์ที่ปรึกษาของผมเป็นอย่างสูงสำหรับความกรุณาในครั้งนี้    ไปนอนลาวแค่คืนเดียวครับ พักที่โรงแรมเอราวัณ ริเวอร์ไซด์ โรงแรมของคนไทยที่ได้สัมปทานสร้างที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ผมไปถึงโรงแรมตอนเย็นแล้ว ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของพระอาทิตย์ตกมา เลยรีบขึ้นไปเก็บของแล้วรีบลงมาถ่ายรูปครับ ที่เห็นในภาพด้านบนคือรูปพระอาทิตย์ตก มีสะพานข้ามแม่น้ำโขงเป็นจุดสนใจ เค้าบอกว่าภาพที่ดี จุดสนใจไม่ควรถูกวางไว้กลางภาพ ให้อยู่ประมาณนี้ถึงจะดี แต่ผมไม่ได้ตั้งใจถ่ายตามนั้นหรอกครับ ผมแค่ชอบท้องฟ้า แล้วอยากให้มีท้องฟ้าอยู่ในภาพเยอะๆก็เท่านั้นเอง ^^  ถ่ายไปซักพักรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันก็ลงมา ผมเลยขอให

ดึกดื่นคืนใด...

Image
        "ดึกดื่นคืนใด มองฟ้าไม่เห็นจันทร์ ไม่เจอะเจอกัน ให้รู้ไว้ว่ามันไม่หายไป..." เริ่มต้นบทความนี้ด้วยเพลงของพี่ตูน บอดี้สแลม ไม่เกี่ยวกับภาพเท่าไหร่ แต่บังเอิญนึกขึ้นมาในสมองพอดีครับ ^^         ภาพพระบรมรูปทรงม้าด้านบนผมถ่ายตอนกลางคืนครับ วันนั้นตั้งแต่ตอนเย็นออกไปตระเวณถ่ายภาพกับเพื่อน แถวๆพระราชวังสวนจิตรลดา ยาวไปจนถึงลานพระบรมรุปทรงม้า บรรยากาศตอนกลางคืนนั้นเย็นสบาย มีผู้คนจับกลุ่มกันอยู่หลายกลุ่มบริเวณลานพระบรมรูป แก็งจักรยานที่ดูครึกครื้น แม่ค้าขายดอกไม้ที่ต้องคอยระวังตำรวจจะมาตรวจ และผู้คนที่มาศักการะพระบรมรูป ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้หลากหลายมากทีเดียว         ภาพนี้ผมถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ 4 วินาทีครับ ค่ารูรับแสง f/9 และค่า ISO 100 ครับ เอามาเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำในโปรแกรม PS แล้วดึงรูปนิดหน่อยเพื่อแก้ไขอาการเอียงของภาพ ผมถ่ายแสงแฟล์ไม่ค่อยเก่ง แต่ภาพนี้ผมค่อนข้างพอใจ ได้ไฟจากด้านหลังคอยสนับสนุน เป็นเส้นนำสายตาได้ดีเหมือนกันครับ          หลังจากลานพระบรมรูปทรงม้าเราก็ไปถ่ายกันต่อที่สะพานกรุงธน บรรยากาศดีมากๆเหมือนกันครับ ลมพัดเย็นสบาย มีผู้คนเดินผ่า

Tilt-Shift in Photoshop

Image
        จากบทความตอนที่แล้วเรื่อง "น่ารักๆ แบบ Tilt-Shift" มาตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเค้าทำเอฟเฟคนี้กันยังไง เริ่มแรกต้องมีภาพที่ถ่ายจากมุมสูงก่อนครับ หลังจากนั้นก็เปิดภาพเข้าไปด้วยโปรแกรม Photoshop (PS) โปรแกรม Camera Raw ที่ติดตั้งไว้ก็จะทำงานดังภาพด้านล่างคับ หลังจากนั้นก็เซ็ตตั้งค่าต่างๆดังนี้ครับ Temperature ผมปรับไปที่  5300 เพื่อให้ภาพใกล้เคียงกับตอนถ่ายมาจริงๆ Exposure ภาพของผมมืดไปหน่อยเลยเพิ่มเป็น +0.20 Recovery ดึงรายละเอียดของภาพที่ขาดหายไปกลับมา +33 ครับ  Fill Light เติมแสงเข้าไปซักนิดนึงให้ภาพมันดูสว่างขึ้นหน่อย Black เติมสีดำเข้าไปในภาพทำให้ภาพดูดีขึ้นครับ แต่อย่าเติมเยอะมันจะเสียลายละเอียด Contrast ผมว่าอย่าให้เกิน +50 กำลังดีครับ Clarity เพิ่มความคมชัด +15 ก็พอ Vibrance +30 ครับทำให้ภาพดูสดใสขึ้น        ค่าต่างๆเหล่านี้ถ้าเป็นช่างภาพมือาชีพที่เค้าแต่งภาพกันมันจะมีค่าที่เหมาะสมอยู่ครับ แต่บังเอิญผมไม่ใช่มืออาชีพ มันเลยเป็นค่าที่เหมาะกับผมแทนครับ แล้วแต่คนชอบครับ เพราะเราไม่เน้นขายจะแต่งยังไงก็แล้วแต่เราครับ         เพิ่มควา

น่ารักๆ แบบ Tilt-Shift

Image
        ภาพแนวโมเดลจำลองหรือภาพแนว Tilt-Shift เป็นภาพที่ผมรู้สึกว่ามันมีความน่ารักอยู่ในภาพ ดูแล้วรู้สึกเหมือนเรากำลังมองของเล่น ของเล่นที่ทำออกมาได้เหมือนของจริง...         การสร้างเอฟเฟคแนว Tilt-Shift นั้นมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน หนึ่งคือการใช้เลนส์ Tilt-Shift โดยตรง แต่วิธีนี้มันค่อนข้างยากไปหน่อยสำหรับผมเพราะราคามันแพงมาก ผมเลยเลือกวิธีที่สองคือการสร้างเอฟเฟคด้วยโปรแกรม Photoshop แทน เนื่องจากผมไม่เคยใช้เลนส์ Tilt-Shift มาก่อน จึงทำให้ภาพที่ได้จากการใช้ Photoshop อาจมีบางส่วนที่ผิดไปจากความเป็นจริงได้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ^^ ถ้าเราหมั่นฝึกฝนและหาความรู้ ประสบการณ์จะทำให้มันถูกต้องขึ้นเอง         เอฟเฟค Tilt-Shift นั้นเดิมทีช่างภาพจะใช้ในการแก้ไขปัญหาทางออฟติก เช่น การแก้ไขทัศนมิติการไหลเข้าลู่ของเส้นในภาพ รวมถึงการเปลี่ยนระนาบโฟกัสและจุดชัดของภาพ แต่ด้วยความที่มันทำให้เกิดระยะชัดตื้นที่มากเป็นพิเศษ เลนส์ Tilt-Shift จึงถูกประยุกต์ใช้ในการถ่ายภาพให้ออกมาเป็นแบบเมืองจำลองครับ บราซิลได้จุดโทษจากการที่สเปนทำฟาล์วครบ 6 ครั้ง         การที่จะทำให้เอฟเฟค Tilt-Shift ออกม

เรียบง่าย สไตล์เซน

Image
ถ่ายจากอ่างเก็บน้ำแถวบ้าน         ภาพสายน้ำที่นุ่มเบลอนั้นเป็นภาพที่ดูแล้วทำให้รู้สึกสบายตา สบายใจ บวกกับองค์ประกอบที่ดูเรียง่าย ทำให้ผมชอบภาพนี้มาก ผมถ่ายภาพนี้ไว้เมื่อปีที่แล้ว หลังจากแต่งภาพเสร็จก็ไม่ค่อยได้ดูอีก จนวันนี้กำลังหาภาพเพื่อมาเขียนในบทความ ก็เปิดเข้าไปเจอพอดี ความรู้สึกของผมจากวันนั้นถึงวันนี้ยังเหมือนเดิม ดูแล้วรู้สึกสงบ... ภาพนี้ผมต้องเข้าไปยืนตรงทางน้ำ แอบกลัวอยู่เหมือนกันถ้ากล้องตกน้ำขึ้นมาจะทำยังไง แต่ดีที่ขาตั้งกล้องของผมไว้ใจได้ จำได้ว่าตอนนั้นเพิ่งซื้อขาตั้งกล้องมาใหม่ ยังใช้ไม่ค่อยคล่อง เกือบหลุดมือไปหลายทีเหมือนกัน ผมว่าขาตั้งกล้องเป็นอะไรที่คุ้มค่าเอามากๆ ถ้าเราอยากได้ภาพที่มีคุณภาพ ขาตั้งกล้องเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว วิธีการถ่ายภาพสายน้ำให้นุ่มเบลอ         แน่นอนว่าถ้าเราต้องการให้ภาพสายน้ำมันออกมานุ่มแบบนี้ เราต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์นานๆ ส่วนจะนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับคนชอบครับ ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่างกันก็ทำให้ได้ภาพสายน้ำที่ต่างกัน อย่างของผมผมใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ 30 วินาที ทำให้ได้ภาพแผ่นน้ำที่นิ่ง และสายน้ำที่นุ่มสบายตาเหมือนในภาพ แต่บางท

จับสายฟ้า

Image
ถ่ายจากดานฟ้าหอผมเองครับ การถ่ายภาพสายฟ้า หรือการจับสายฟ้า (ผมตั้งชื่่อเอาเอง^^) เป็นการถ่ายภาพที่ท้าทายมากประเภทหนึ่ง เพราะนอกจากจะอาศัยความอดทน และความเร็วในการกดชัตเตอร์ให้ทันแล้ว ดวงก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการถ่ายภาพแนวนี้ ผมเคยรอนานกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รูปสายฟ้าที่เจ๋งๆซักรูป แต่ผลก็จบลงด้วยการ...แห้วครับ  ภาพนี้ได้สายฟ้าเกิดตรงหลังเสาสัญญาณพอดี  ในการถ่ายรูปสายฟ้านั้นมีอุปกรณ์สำคัญอยู่ 3 อย่างด้วยกันคือ กล้องถ่ายรูป ผมแนะนำว่าควรเป็นกล้อง SLR  สายลั่นชัตเตอร์ อันนี้จำเป็นอย่างยิ่งครับ ขาตั้งกล้อง อันนี้ก็จำเป็นเหมือนกัน ถ้าอยากให้ภาพออกมาคมชัด         วิธีที่ผมใช้ถ่ายก็คือ เริ่มจากการมองหาบริเวณที่มีฟ้าผ่าบ่อยๆ ผมว่ามันจะอยู่บริเวณที่มีเมฆนะ เท่าที่สังเกตุ เมื่อเจอแล้วก็จัดการวางขาตั้งกล้องให้มั่น แล้วต่อสายลั่นชัตเตอร์เข้ากับตัวกล้องให้เรียบร้อยครับ การตั้งค่ากล้องถ้าผมใช้ ISO 100 ผมจะตั้งค่ารูรับแสงกว้างๆไว้ และใช้ความเร็วชัตเตอร์ ประมาณ 1-2 วินาทีครับ อย่างภาพด้านบนผมใช้ ค่า ISO 100 ความเร็วชัตเตอร์ 1 วินาที และค่ารูรับแสง f/3.2 ครับ ที่จริงก็อย

ชีวิตในสวนลุมฯ

Image
 สวนลุมพินี สวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๗ จากที่ดินเดิมที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานสำหรับสร้าง "สยามรัฐพิพิธภัณฑ์" เพื่อจัดแสดงสินค้าไทยเป็นครั้งแรก และจัดให้เป็น "สวนสาธารณะ" สำหรับประชาชน พร้อมทั้งพระราชทานนามว่า "สวนลุมพินี" ซึ่งเป็นชื่อสถานที่ประสูติของ พระพุทธเจ้า ใน ประเทศเนปาล  แต่พระองค์เสด็จสวรรคตก่อนจึงไม่แล้วเสร็จ ข้อมูลจาก :  http://th.wikipedia.org ด้านหน้าของสวนลุมพินีคือลานพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผมไปถึงประมาณห้าโมงครึ่ง ตอนนั้นยังหามุมอยู่ว่าจะเริ่มถ่ายจากมุมไหนดี ก็เห็นช่องของตึกที่ตรงกับทิศตะวันตกพอดีเลยพยายามถ่ายอยู่พักใหญ่ จนสายตามาสนใจกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๖ เข้า เลยมีความคิดว่า ถ้าลองถ่ายจากด้านหลังพระองค์ท่าน คงได้ภาพที่น่าสนใจดี ตั้งใจจะให้เป็นภาพย้อนแสง บวกกับแสงของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน สวยงามมากครับ  ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ผมถ่าย ที่จริงไม่อยากได้นายแบบซักเท่าไหร่ แต่พี่สองคนเดินเข้ามานั่งหน้ากล้องพอดี จะบอกให้พี่เค้าขยับให้ซักหน่อยก็เ

ภูมิใจในความเป็นไทย

Image
         “เรือพระที่นั่งอนันตราคราช”  ซึ่งใช้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ 9 พฤษจิกายน พ.ศ. 2555 ได้มีโอกาสไปชมกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม รู้สึกภูมิใจ และประทับใจ กระบวนเรือมีความสวยงาม พร้อมเพรียงเป็นอย่างยิ่ง อดนึกไม่ได้ว่านี่ขนาดล่วงเลยมาหลายร้อยปีแล้วยังคงความสวยงามไว้ขนาดนี้และถ้าเป็นในสมัยก่อนจะสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน ผมอ่านเจอในวิกิพีเดียว่าเคยมีครั้งหนึ่งที่มีเรือในกระบวนเรือทั้งหมดกว่า 200 ลำ จิตนาการไม่ออกเลยว่าจะสวยงามเพียงใด… “เรือพระนั่งสุพรรณหงส์”  เป็นเรือที่ประทับของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร  ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการถวายผ้าพระกฐินในครั้งนี้ “เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙”  เรือที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙  กระบวนเรือกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าน้ำวัดอรุณราชวราราม ภาพเจดีย์วัดอรุณราชวรารามดูสวยเด่นเป็นสง่ามาก เห็นแล้วก็นึกในใจว่าสมัยก่อนเจดีย์องค์นี้คงเป็นสิ

วิสาขบูชา ณ พุทธมณฑล

Image
        วันวิสาขบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย และชาวโลกผมเป็นคนที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก ยายของผมชอบชวนผมไปทำบุญทุกวันพระ และผมก็ชอบศึกษาพุทธประวัติเอาซะมากๆด้วย จำได้ว่าครั้งนึงเคยขอแม่อยู่ที่วัดเพื่อวาดภาพเลียนแบบภาพฝาผนังของวัด ผมเป็นคนชอบวาดรูปแต่วาดไม่สวยหรอก แต่ก็มีความสุขเวลาได้วาด เมื่อก่อนตอนเด็กๆชอบเอากระดาษมาทาน้ำมันเพื่อให้มันใสๆ แล้วจะได้มองเห็นแล้ววาดตามได้ ภาพก็ออกมาสวยนะฮ่าๆ ก็เล่นลอกตามแบบซะขนาดนั้น จบเรื่องสมัยเด็กของผมก่อนแล้วกัน แต่ระยะหลังไม่ค่อยได้ไปวัดเท่าไหร่เพราะพอเข้าม.ปลาย ก็ไปอยู่หอพัก ก็เลยไม่ค่อยได้ไปวัดกับคุณยาย คุณยายก็ไม่ค่อยได้ไปวัดเพราะไม่มีใครพาไป แต่พอกลับบ้านทีไรผมก็จะชวนยายไปทำบุญอยู่บ่อยๆ ผมชอบบรรยากาศสงบของวัด มันทำให้จินตนาการได้ถูกปลดปล่อย แล้วก็ไม่มีใครมารบกวน มีความสุขดี ผมชอบนั่งสมาธิมากด้วยตอนเด็กๆ ดูหนังจีนเยอะหนะฮ่าๆ               ภาพนี้ถ่ายเป็นภาพแรกเลยเมื่อไปถึงพุทธมณฑล บอกตรงๆตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปถ่ายหรอก กลับมาจากศิริราช หันไปมองท้องฟ้า โอ้วว เมฆสวยจัง เคยถ่ายแต่ตอนกลางวันอยากลอง HDR

ตรามหาวิทยาลัยมหิดล

Image
ตรามหาวิทยาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2512 สีน้ำเงินแก่ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระยศในขณะนั้น) พระราชทานเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2512 สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: http://www.mahidol.ac.th/muthai/logo_mu.htm         สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับพวกเราชาวมหิดล "ลาน ม." หรือ "ลานพระราชบิดา" เป็นสถานที่นึงในมหิดลวิทยาเขตศาลายาที่ผู้คนชอบมาถ่ายรูปกัน ตอนผมเข้ามาปีหนึ่งไม่ได้สวยงามขนาดนี้ ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นยังไงในตอนแรก แต่ภายหลังได้รับการปรับปรุง ตราสัญลักษณ์ได้ถูกทาสีใหม่ สวยขึ้นเป็นกอง แต่ถึงภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่ผมเชื่อว่าภายในนั้นยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นมหิดลเอาไว้ ผมชอบท่อนนึงของเพลง เทิดพระนามมหิดลมาก เหมือนที่ใส่ไว้ในรูป "อัตตานัง อุปมัง กเร เราจะทุ่มเทพลังกายใจ เพื่อสนองพระบาทไท้ พระทรงมุ่งใจตั้งปณิธาน" ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ จะมีแรงบันดาลใจ และกำลังใจเกิดขึ้นเสมอ และรู้สึกขนลุกทุกครั้ง ผมไม่ค่อยทราบพระราชประวัติของพระองค์ท่านมากนัก แต่เท่าที่รู้คือพระองค์ท่านทรงเสียสละอย่างมา

"เรือนไทย" มหิดลศาลายา

Image
       เรือนไทย ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ครั้งแรกที่ผมมาเรียนที่นี่ เรือนไทยไม่ได้เป็นอย่างนี้ น่าจะเล็กกว่านี้นิดหน่อย ภายหลังได้รับการปรับปรุง และทาสีใหม่ สวยขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่บรรยากาศต่างๆยังเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ผมเคยไปนั่งอ่านหนังสือตอนปีหนึ่ง ลมพัดเย็นสบาย นั่นคงเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงของเรือนไทย เมื่อก่อนผมเคยใฝ่ฝันอยากมีบ้านเป็นเรือนไทย เพราะบ้านยายของผมก็เป็นบ้านไม้ทรงไทย แต่ไม่หรูหราขนาดนี้หรอก เป็นบ้านไม้ธรรมดาของคนสมัยก่อน ปลูกมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด ผมชอบไปนอนค้างบ้านยายเพราะเย็นดี เป็นคนที่ร้อนแรงตั้งแต่เด็ก เลยชอบอากาศเย็นๆ ฮ่าๆ แต่หลังๆนี่บ้านอะไรก็ได้ ขอแค่มีคนที่เรารักอยู่ด้วยผมก็พอใจแล้ว เดี๋ยวช่วยกันตกแต่งก็สวยเอง ^^ แต่ถ้าอยู่บนน้ำนี่ด้วยน่าจะดีไม่น้อย แต่ก็กลัวเหมือนกันว่านอนๆอยู่จะร่วงลงสระน้ำ ฮ่าๆๆ เพ้อเจ้อนะเนี่ย รูปนี้สวย ผมชอบ ตอนถ่ายรูปนี้มาวางขาตั้งกล้องเอียงเลยต้องมาปรับระดับใหม่ เรือนไทยเกือบโดนตัดทิ้งแหนะ อันตรายมากการวางขาตั้งกล้องไม่ได้ระดับนี่ทำให้เสียภาพไปบางส่วน ถึงเราจะจัดองค์ประกอบภาพอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ก็อาจเสียความตั้งใจได้ถ้าวางขาตั้งกล้องไม่ได

ณ พุทธมณฑล

Image
        ภาพนี้ผมถ่ายที่พุทธมณฑล เป็นความพยายามครั้งที่สองที่จะไปถ่ายภาพที่นี่ ครั้งแรกเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า การมีเมมสำรองนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับช่างภาพ เพราะหลังจากที่ผมจัดแจงทุกอย่างๆดีก่อนออกจากหอ กระเป๋ากล้อง ขาตั้งกล้อง และแรงบันดาลใจ ผมก็ขับรถออกจากหอเพื่อพุทธมณฑล ไปถึงก็จัดการเดินหามุมที่จะถ่าย วันนั้นเป็นวันที่ฝนเพิ่งตกเสร็จหมาดๆ บรรยากาศกำลังชุ่มชื่น ผมกะจะถ่ายภาพสะท้อนขององค์พระในแอ่งน้ำซักหน่อย คงสวยน่าดู แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเปิดกล้องออกมาพบว่า No Card.... ToT หมดอารมณ์เลยทีเดียว นี่ขนาดหอผมอยู่ไม่ไกลจากพุทธมณฑลมากเท่าไหร่ ในใจคิดว่า วันนึงถ้าไปในที่ๆสำคัญกว่านี้แล้วจะทำยังไง กล้องที่ไม่มีเมม เหมือนฮีโร่สาย Int ที่ไม่มีมานา จะทำอะไรได้ บทเรียนครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าควรมีเมมสำรองติดตัวไว้ แต่คุณเชื่อรึเปล่า ขณะที่ผมนั่งเขียนบล็อกอยู่นี้ เวลาก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ผมยังไม่ได้ซื้อเลย ^^ วันนึงผมคงได้รับบทเรียนนี้อีกครั้ง : )         รูปนี้ผมจัดองค์ประกอบได้ไม่ดีเท่าไหร่ แจกันธูปหน้าองค์พระโดนตัดออกไปนิดนึง  ที่จริงอยากให้มีคนอยู่ในรูปด้วย แต่