Posts

The Power of Less...ทำน้อยให้ได้มาก

Image
      เช้านี้อยู่ที่เชียงใหม่ พักโรงแรมบีทู โรงแรมดูสวยดี ราคาไม่แพง แต่มีทุกอย่างที่โรงแรมต้องมี ห้องใหญ่ น่าจะมีหลายขนาดให้เลือก ห้องผมนอนกัน 3 คน ก็มีสามเตียง นอนสบายเลย ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเตียงธรรมดา 2 เตียง กับเตียงเสริม 1 เตียงซะอีก ;)) มีอ่างอาบน้ำให้ด้วย ใหญ่มาก แต่สายฝักบัวสั้นไปหน่อย ข้างหลังห้องเป็นสวน เงียบสงบดี ตื่นมาไม่เจอเสียงรถให้วุ่นวาย       ระหว่างทางมาเชียงใหม่ผมหยิบหนังสือเรื่อง ทำน้อยให้ได้มาก ติดมือมาด้วย ไว้อ่านบนรถ จากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ ขับแบบสบายๆก็ประมาณ 7 ชั่วโมง อ่านได้หลายบทเลยทีเดียว เนื้อหาในหนังสือจะเกี่ยวกับการจัดการความคิด และชีวิตของตัวเราเอง เพราะว่าคนเราเสียเวลากับเรื่องที่ไม่สำคัญมากเกินไปในชีวิต จนไม่ค่อยมีเวลาทำสิ่งที่สำคัญกับตัวเองจริงๆ หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนแบ่งปันวิธีคิด วิธีการใช้ชีวิตเอาไว้ดีทีเดียว อ่านง่ายไม่น่าเบื่อ เพราะเกือบทั้งหมดเป็นปัญหาที่เราเจอในกิจวัตรประจำวันจริงๆ เช่น การเสพติดอินเทอร์เน็ต การกินอาหารเร็วเกินไป(อันนี้ผมชอบมาก) การจัดการโต๊ะทำงานที่รกรุงรัง เป็นต้น อ่านแล้วได้แง่คืดได้ไอเดีย ได้แรงบันดาลใจดี แต่อย่างที่ผู้เข

When the Game Stands Tall

Image
วันนี้ว่างเลยขอดูหนังซักเรื่อง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะดูเรื่องอะไรดี หาไปเรื่อยๆก็มาพบเรื่องนี้ เลยลองกดเข้าไปดูเป็นเรื่องเกี่ยวกับอเมริกันฟุตบอลระดับมัธยม ซึ่งทำสถิติชนะมาแล้ว150นัดรวด ทีมนี้มีทั้งความสามารถและความผูกพันธ์ของสมาชิกภายในทีม กีฬาเวลาเล่นด้วยจิตวิญญาณไม่ใช่เผื่อผลแพ้ชนะ ก็ยากที่จะแพ้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผู้เล่นชุดใหญ่จบการศึกษา ทีมสำรองยังขาดทั้งฝีมือและความสามัคคี หนำซ้ำโค้ชคนเก่งที่ทำทีมมากว่า20ปียังมาล้มป่วยเพราะโรคเหี่ยวกับหัวใจ สถิติชนะรวด151นัดจึงจบลง ในจุดจบบางทีก็หมายถึงการเริ่มต้นใหม่ ทีมสำรองต้องพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ก้าวออกมาจากเงาของรุ่นพี่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง แล้วเรื่องราวความประทับใจระหว่างเพื่อนร่วมทีมและโค้ชก็เกิดขึ้น เวลาเปลี่ยนเทคโนโลยีเปลี่ยนคนก็ย่อมเปลี่ยน หลักการเดิมๆที่โค้ชยึดมั่นมากว่า20 ปีเริ่มจะไม่แน่ว่าจะมีประโยชน์ต่อเด็กยุคดิจิทอลรึเปล่า แต่สุดท้ายพวกเค้าก็พิสูจน์ให้โค้ชเห็นว่า ผลแพ้ชนะหรือการทำลายสถิตินั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยเมื่อเทียบกับ"ทีม"  ยุ่น 8/02/2015

@ Seoul วันแรก

Image
มีโอกาสได้ไปงาน Robot World 2014 ปีนี้จัดที่เกาหลีใต้ เลยเก็บภาพความประทับใจมาใส่บล็อกซักหน่อย ^^ รูปแรกหลังลงจากเครื่องที่สนามบินอินชอน กำลังจะไปนั่งรถไฟเข้ากรุงโซล การขนส่งมวลชนของเกาหลีใต้ถือว่าดีมาก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้สะดวก สิ่งปลูกสร้างก็ดูดีมีสไตล์ ตอนไปถึงอากศไม่หนาวมากประมาณ 17 องศา ถือว่ากำลังดี ในตัวอาคารไม่ต้องเปิดแอร์ ประหยัดไฟดี ตู้เติมเงินอัตโนมัติ ไปถึงตอนแรกยังใช้ไม่เป็น และยังไม่มีตั๋ว เลยไปต้องซื้อกับพนักงานที่อยู่ใกล้ๆแทน ตั๋วรถไฟเข้าโซลราคา 10000 วอน ก็ประมาณ 300 บาท วิ่งฉิวไม่จอดซักป้าย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถ้ามากัน 4 คนเค้าลดเหลือ 8000 วอนต่อคน ^^ น่ารักมากครับ ลงมาใต้ดินรอขึ้นรถไฟ สถานีรถไฟสวยดี อารมณ์คล้ายๆ Airport link บ้านเราแต่ผมว่าน่าใช้กว่า  ยืนรอรถไฟ ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่เพราะมาถึงวันอังคาร ออกจากไทย 8 โมง ถึงเกาหลีประมาณ 3 โมงกว่า ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ที่เกาหลีใต้เวลาเร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง ถึงปุ๊ปก็รู้สึกว่าโดนโกงเวลาไป 2 ชั่วโมงแหนะ ไม่ทันจะได้ทำอะไรก็จะมืดซะแล้ว ข้างในรถไฟเข้ากรุงโซล น่านั่งมาก ต้องนั

กรุงเทพฯ ถึง ขอนแก่น

Image
        ไม่ได้อัพเดทบล็อกซะนานเลย เป็นคนที่พอไม่ได้ทำอะไรที่เคยทำติดต่อกันนานแล้วก็ขี้เกียจ อยากทำ แต่ก็ไม่ทำ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เฮ่ออออออ.... วันนี้มาขอนแก่นมีเวลาว่างเลยมาเขียนซักหน่อย         ขอนแก่นเป็นเมืองที่ใหญ่มากเมืองนึง อาจไม่เท่าเชียงใหม่แต่ก็ใหญ่กว่ากระบี่บ้านเกิดผม แต่การจราจรที่นี่แปลกๆ ไฟแดงมีแค่ 2 จังหวะ ถ้าจะเลี้ยวต้องรอให้รถที่สวนมาไปหมดก่อนถึงจะเลี้ยวได้ ไม่มีไฟเขียวให้เลี้ยวเหมือนกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆที่ผมไปมา อาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่าถ้ามาช่วงเปิดเทอม รถจะติดมากๆโดยเฉพาะหน้าโรงเรียน งืมๆ เบื่อรถติด         โชคดีที่โรงแรมที่ผมพักมีอาคารจอดรถที่สูงถึง 6 ชั้น บวกกับชั้นวางแท็งค์น้ำที่ต่อเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั้นกลายเป็นเจ็ดชั้น สูงพอให้ผมเก็บภาพวิวของขอนแก่นได้ ถ่ายตอนเช้าหลังพระอาทิตย์ขึ้นมาได้นิดหน่อย อากศเย็นๆ กำลังดีเลยจัดพาโนรามามาหนึ่งรูป แสงอุ่นๆตอนเช้านี่สวยงามมากจริงๆ      

วันเคียงที่เชียงดาว ตอนที่ 1

Image
วันเคียงที่เชียงดาว         ไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวมาครับ สนุก และมีความสุขมากๆ ได้ไปกับเพื่อนที่เคยลำบากมาด้วยกัน ได้ไปกับคนที่เรารัก เป็นทริปที่มีความสุขที่สุดครับ เป็นสถานที่ที่หนาวที่สุดเท่าที่ผมเคยไปมา ขนาดไปช่วงหน้าร้อนอุณภูมิต่ำสุดยังประมาณ 8 องศา ถ้ามาหน้าหนาวนี่ ผมยังจินตนาการไม่ออกว่าจะรู้สึกหนาวมากขนาดไหน แต่ถึงจะหนาวก็หนาวเพียงกาย ยังไงก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ^^ เรานั่งรถนิววิริยะยานยนต์ ออกจากหมอชิตตอนประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ไปถึงอำเภอเชียงดาวราวหกโมงกว่าๆเห็นจะได้ ผมรู้สึกว่าไปถึงเวลานี้กำลังดี ถ้าเร็วกว่านี้คงจะลำบาก คนที่นี่ตื่นเช้า...คงเป็นธรรมดาของคนต่างจังหวัด แต่มันไม่ค่อยธรรมดาสำหรับผม หลังจากโทรหาลุงบั๊ก คนที่จะมารับและพาเราไปทำเอกสารที่อุทยานก่อนขึ้นดอย ตามแผนตอนแรกที่วางเอาไว้ กลับกลายเป็นว่าลุงแนะนำให้ไปหาซื้อของกินของใช้ในตลาดก่อน ตลาดอยู่ห่างจากจุดที่เราลงรถประมาณ 100 เมตร อาหารหลักที่เราเลือกซื้อคือมาม่าครับ ^^ เพราะไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ทำอาหารกันมา และทำอาหารกันไม่ค่อยเป็น เราเลยวางแผนกันว่าจะกินอะไรที่มันง่ายๆ เอาแค่พอให้อิ่มท้องก็พอ เพราะจุดประสงค์หลักของ

ชิลๆ @ พิจิตร อีกนิดที่พิษณุโลก

Image
        เมื่อวานนี้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนเมืองพิจิตร และเมืองพิษณุโลก         เมืองพี่เมืองน้องที่อยู่ติดกัน         ความสัมพันธ์ของสองเมืองนี้เท่าที่ผมทราบก็คือ         พวกเขาทั้งคู่มีบริเวณหนึ่งที่ปลูกมะม่วงเหมือนกัน         ถ้าผมจำไม่ผิด นอกจากพิจิตรกับพิษณุโลกแล้วยังมีเมืองเพชรบูรณ์มาขอเกี่ยวด้วย         ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยสวนมะม่วง         เกษตรกรเล่าให้ฟังว่ามีเนื้อที่มากถึงประมาณ 150,000 ไร่ ครับ...ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นไร่ กว้างแค่ไหนผมเองก็จินตนาการไม่ออก รู้แต่กว้างมว้ากกกกกครับ ^^         ที่ผมไปนั่นเป็นตำบลชื่อว่าตำบลวังทับไทร อยู่ในเขตจังหวัดพิจิตร         ถ้าพูดถึงพิจิตร จิตใต้สำนึกผมมักกระซิบบอกมาว่าให้นึกถึง ชาละวัน!!!         จระเข้ยักษ์ที่เป็นตำนานเล่าขานกันมายาวนานของสังคมไทย         ผมชอบละครเรื่องไกรทองมากครับตอนเด็กๆ เผื่อมีคนอยากรู้ : ) คริคริ         แล้วก็จริงอย่างที่ผมนึก รูปปั้นจระเข้ในชุดลูกไม้ลายไทยหลากท่าทางมีอยู่ทั่วสี่แยกเมืองพิจิตร มองแล้วก็น่ารักดีครับ แต่ไม่มีรูป ไปดูกันเอาเองแล้วกันนะจ๊ะ         มะม่วงขึ้นชื่อของที่นี

Organic Cafe' @ Farm to Table

Image
        ^^ วันนี้ไม่ได้ตั้งใจไปถ่ายรูป ตั้งใจไปกินมากกว่า เนื่องด้วยพรุ่งนี้เป็นวันดี วันมงคล(วันเกิดผมเอง) ส่วนวันนี้ก็เป็นวันดี วันมงคลเหมือนกัน (วันเกิดเพื่อนผม) ฮ่าๆ เราเลยชวนกันไปฉลองด้วยการกินไอติมที่ร้านน่ารักๆแถวๆปากคลองตลาด ชื่อร้านว่า Farm to Table หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าชื่อร้านนี้ได้มาจากไหน จากการสอบถามเจ้าของร้านแบบคร่าวๆไม่ลงลึกในรายละเอียดก็ได้ใจความว่า มาจากการที่ร้านใช้เครื่องปรุงจากไร่ของตัวเองที่เชีนงราย จึงเป็นที่มาของชื่อ Farm to Table นั่นเองครับ             เนื่องจากผมเป็นคนชอบทานไอศครีม วันนี้เลยสั่งแค่ไอศครีม ^^ มีให้เลือกมากมายหลายรสชาติเลยคับสำหรับไอศครีมที่นี่ ที่สำคัญเป็นไอศครีมออแกนิคด้วย ใช้ส่วนผสมที่เป็นออแกนิคล้วนๆ เพราะฉะนั้นผมว่าไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพและประโยชน์ห่วงเรื่องรสชาติดีกว่า ซึ่งหลังจากที่ผมได้กินครบทั้ง 11 รสแล้ว ผมขอการันตีเลยว่า อร่อยทุกรสครับ ^^ รสไหนเป็นรสนั้นจริงๆ เนื้อแน่น นุ่มลิ้นมากๆ         นอกจากรสชาติของไอศครีม อีกอย่างหนึ่งที่ผมชื่นชอบก็คือถ้วยใส่ไอศครีมคับ เป็นถ้วยแบบมีหูจับคล้ายๆแก้วกาแฟ เสริฟพร้อมถาดรองที่เป็นไม้ ผมว่าสาว