ยามเย็นที่ปากเซ
หายไปนานเลยครับ ^^ ผมแอบไปซุ่มทำบล็อกใหม่มา บวกกับมีงานให้ทำเยอะนิดหน่อย เลยไม่ค่อยได้สนใจบล็อกนี้เท่าไหร่ วันนี้โอกาสดีก่อนปีใหม่ เลยแวะมาเขียนอะไรเล่นๆซักหน่อย ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวลาวมาครับ แต่ไปแค่เมืองเดียวคือเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ของลาวตอนใต้ ที่ได้ไปเพราะไปงานคอนเฟอเรนซ์ที่อุบลฯแล้วเค้าจัดทริบให้สำหรับคนที่สนใจอยากไปเที่ยวลาว อาจารย์ผมก็ไม่พลาดครับ เลยได้มีโอกาสออกนอกประเทศครั้งแรก ต้องขอบพระคุณอาจารย์ที่ปรึกษาของผมเป็นอย่างสูงสำหรับความกรุณาในครั้งนี้
ไปนอนลาวแค่คืนเดียวครับ พักที่โรงแรมเอราวัณ ริเวอร์ไซด์ โรงแรมของคนไทยที่ได้สัมปทานสร้างที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ผมไปถึงโรงแรมตอนเย็นแล้ว ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของพระอาทิตย์ตกมา เลยรีบขึ้นไปเก็บของแล้วรีบลงมาถ่ายรูปครับ ที่เห็นในภาพด้านบนคือรูปพระอาทิตย์ตก มีสะพานข้ามแม่น้ำโขงเป็นจุดสนใจ เค้าบอกว่าภาพที่ดี จุดสนใจไม่ควรถูกวางไว้กลางภาพ ให้อยู่ประมาณนี้ถึงจะดี แต่ผมไม่ได้ตั้งใจถ่ายตามนั้นหรอกครับ ผมแค่ชอบท้องฟ้า แล้วอยากให้มีท้องฟ้าอยู่ในภาพเยอะๆก็เท่านั้นเอง ^^ถ่ายไปซักพักรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันก็ลงมา ผมเลยขอให้พี่เค้าเป็นแบบให้ซะเลย ได้อารมณ์จริงๆครับ ภาพนี้ผมส่งประกวดกับ Sony ด้วย เป็นหัวข้อ แรงบันดาลใจในการถ่ายภาพครับ ^^ ชื่อภาพ "แรงบันดาลใจจากท้องฟ้า"
ไหนๆพี่เค้าก็มาแล้ว จัดอีกซักรูปจะเป็นไรไป อิอิ ภาพนี้ไม่ต้องใช้แฟลช เพราะมีไฟที่รั่วเป็นแหล่งกำเนิดแสงให้ ช่วยเปิดให้เห็นตัวแบบได้เป็นอย่างดีครับ ผมเองเป็นคนนึงที่ใช้แฟลชไม่เป็น ภาพส่วนใหญ่เลยอาศัพแสงจากธรรมชาติ หรือหลอดไฟรอบๆตัวช่วยเป็นหลักครับ มันท้าทานดีในการที่เราจะทำอย่างไรให้ได้ภาพตามที่เราต้องการโดยใช้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราในขณะนั้นครับ
Photo Tip :
ภาพทั้งหมดนี้ผมถ่ายมาแทบจะไม่ต้องแต่งเลยครับ ผมเพิ่ม contrast และ saturation นิดหน่อยเพราะอยากให้มันอิ่มตัวขึ้น แต่ก็ไม่มากจนเกินไป พยายามให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ภาพพระอาทิตย์ตกนั้นถ่ายไม่ยากครับ เพียงแต่เราต้องรอเวลาให้เกิดสีทไวไลท์ ซึ่งก็คือช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า เทเลท็อบบี้กำลังจะบอกลานั่นแหละครับ ส่วนวิธีการถ่ายผมมีขั้นตอนง่ายๆมาแนะนำดังนี้ครับ
1. ตั้งขาตั้งกล้องและจัดการติดกล้องลงไปบนจาตั้งกล้องครับ
2. เปลี่ยนโหมดไปที่โหมดปรับค่ารูรับแสง ให้เลือกใช้ค่ารูรับแสง f/8 ขึ้นไปครับเพื่อความคมชัดทั้งภาพ
3. ให้เราวัดแสงที่ท้องฟ้าครับ หลายคนสงสัยว่าการวัดแสงนี่ทำยังไง ในความเข้าใจของผมง่ายๆคือ กล้องจะวัดแสงที่จุดที่มันโฟกัสครับ
4. ตั้ง iso เป็น 100 เพื่อคุณภาพๆที่ดีที่สุด
5. ถ้ามีรีโมทให้ใช้รีโมท ถ้าไม่มีให้ตั้งเวลาถ่ายภาพแทนครับ แล้วกดถ่ายได้เลยครับ แล้วลองเปิดภาพดู ว่าได้ค่าความไวชัดเตอร์ที่เท่าไหร่ ก็จำไว้ครับ เสริมนิดนึงตรงการเลือกไวท์บาลานซ์ครับ แสงช่วงนี้ผมชอบใช้ไวท์บาลานซ์ที่อุณหภูมิต่ำๆประมาณ 3000 - 4000 เคลวิน กำลังดีครับ มันไม่ส้มจนเกินไปให้ความคิดผม เพราะฉะนั้นให้เลือกเป็น tungsten หรือ fluorescent ครับ
6. ถ่ายอีกครั้ง ครั้งนี้จะเอาจริงแล้วครับ ให้เปลี่ยนไปใช้โหมด แมนนวล ครับ แล้วตั้งค่าเหมือนตอนแรก ปรับค่าความไวชัตเตอร์ตามค่าที่ได้จากโหมดปรับค่ารูรับแสงครับ
7. เหนือชั้นอีกหน่อยด้วยการล็อคกระจกสะท้อนภาพครับ เพื่อความคมชัดสูงสุด ไอ้เรื่องนี้ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อครับจนได้ทดสอบด้วยตัวเอง ภาพมันแตกต่างกันจริงๆครับเวลาล็อคกับไม่ล็อค ส่วนวิธีการล็อคนั้นลองหาดูนะครับ แล้วแต่กล้องแต่ละรุ่นครับ
8. ถ้าขั้นตอนครับตามนี้แล้วก็ถ่ายได้เลยครับ ลองดูภาพที่ได้ ถ้าไม่พอใจกับแสงที่ได้ก็ลองปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ดูครับ ถ่ายจนกว่าจะได้รูปที่เราต้องการ อย่าขี้เกียจแล้วคิดเอาว่า ไม่เป็นไรแค่นี้พอแล้ว ไว้ค่อยมาถ่ายใหม่วันหลัง เพราะแต่ละวันนั้นไม่เหมือนกันครับ เรามีโอกาสเก็บภาพในขณะนั้นๆได้แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้น เชื่อผม ถ่ายจนกว่าจะได้ภาพที่คุณต้องการ อย่าให้ความขี้เกียจมาทำให้เราต้องมาเสียใจทีหลังครับ ^^
แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ ภาพที่ได้จะเป็นภาพแนวย้อนแสงหรือ silhouette ครับ เพราะกล้องมันไม่ฉลาดเหมือนตาคนเรา จะให้ได้ทั้งท้องฟ้าและส่วนอื่นๆด้วยในการถ่ายครั้งเดียวตอนนี้ยังทำไม่ได้ครับ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีครับ เค้าเรียกเทคนิคนั้นว่า HDR ครับ ภาพบางภาพของผมก็เป็น HDR เช่นกันครับ ไว้จะมาแบ่งปันวิธีกันในบทความหลังๆครับ ^^ อ้อ จะว่าไปก็สามารถทำได้ในการถ่ายครั้งเดียวนะครับ โดยการใช้ ND filter ไว้มีโอกาสจะมาแนะนำเจ้า ND filter ให้รู้จักกันครับ
Comments
Post a Comment